ตอนที่ 14 กระถางธูป - Martial Peak
Aa+
Aa-
reset

ตอนที่ 14 กระถางธูป

หยางไค่ฝึกฝนวิชายุทธ์ุจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า หยางไค่จึงหยุดการฝึกยุทธุ์ลง การฝึกยุทธุ์ที่ยาวนั้นในวันนี้ไม่ทำให้หยางไค่เหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย แต่ในทางตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น หลังจากกระดูกทองคำหลอมรวมกับร่างกายของเขา ดูเหมือนว่าร่างกายของเขามีการพัฒนาเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ในวันนี้เขาเดินทางเท้าเป็นระยะทางกว่า 20 ลี้ แต่เขากลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าจะมีกระสอบข้าวใบใหญ่ที่เขานำมาด้วยก็ตาม

บางทีมีเพียงการฝึกยุทธุ์แห่งกายาเริงอารมณ์ จึงจะทำให้เขารู้สึกกดดันและเหน็ดเหนื่อยอย่างแท้จริง เมื่อครุ่นคิดถึงความรู้สึกที่ฝึกยุทธุ์ในช่วงเช้า ร่างกายของหยางไค่มีการสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เพราะความกดดันในวันนั้นเสมือนโลกสวรรค์แผ่นดินกำลังทับถมเขาอย่างน่าหวาดกลัว
แต่ถ้ามีความกดดันจึงจะมีการพัฒนา ในตอนนี้ไร้ซึ่งแม้แต่แรงกดดัน แล้วจะฝึกฝนวิชายุทธุ์ต่อไปได้อย่างไร
ศักยภาพที่แท้จริงของมนุษย์เกิดจากการถูกบังคับกดดันจนถึงขีดสุด เช่นการพัฒนาก้าวหน้า ต้องกดดันบังคับตนเองให้แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา แม้นว่ามันจะมากกว่าเพียงเล็กน้อย แต่มันก็สามารถทำลายขีดสามารถสูงสุดของตนเองในปัจจุบัน
แต่ในขณะนี้แม้ว่าหยางไค่จะออกหมัด เตะออกไป ฝึกวิชายุทธุ์ขั้นพื้นฐานอย่างหนักหน่วง แต่มันไม่สามารถทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย จุดไหนคือขีดจำกัดสูงสุดของตนเอง แล้วจะกดดันบังคับให้ตนเองแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้อย่างไร ?
สิ่งนี้คือสิ่งที่ยากที่สุด ทำให้หยางไค่รู้สึกหดหู่ เขาได้รับร่างกายกระดูกทองคำถือเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างมาก ซึ่งสามารถฟื้นฟูพละกำลังที่มากมายมหาศาล ทำให้เขาไม่สามารถฝึกฝนวิชายุทธุ์ขั้นพื้นฐานของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวต่อไปได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงสามารถฝึกยุทธุ์ได้เพียงครึ่งชั่วยามของทุกวันเท่านั้น
ในหนึ่งวันมีเวลาทั้งหมด 12 ชั่วยาม สามารถฝึกยุทธุ์ได้เพียงครึ่งชั่วยามของทุกวัน แล้วเวลาที่เหลือจะทำสิ่งใด? หลับนอน ? วิธีการนี้ไม่เหมาะสม หยางไค่ยังมิทันครุ่นคิดก็ได้ปฏิเสธความคิดนี้ออกไปในทันที
ในขณะที่หยางไค่กำลังเข้าครัวหุงข้าว เขาได้ครุ่นคิดอย่างใจลอยถึงวิธีการที่จะทำให้ตัวเขาสามารถสัมผัสกับแรงกดดันที่มากมาย ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกบุคคลอื่นทราบเข้า พวกเขาคงจะหัวเราะเขาอย่างไม่มีวันหยุดหย่อนแน่
ผู้ฝึกยุทธุ์คนอื่นๆต่างต้องการให้หนทางการฝึกยุทธุ์ของตนเองผ่อนคลายไร้ซึ่งความยากลำบาก แต่หยางไค่กลับผลักดันตนเองให้พบกับความยากลำบากที่คนอื่นๆไม่ต้องการเผชิญ
เมื่อครุ่นคิดไปมา เขายังไม่สามารถหาวิธีการใดที่เหมาะสม เหตุผลหลักคือร่างกายของเขาไม่สามารถรับมือกับการฝึกยุทธุ์แห่งกายาเริงอารมณ์ การฝึกยุทธุ์แห่งกายาเริงอารมณ์มีโอสพวิเศษที่สามารถช่วยเหลือประคับประคอง  นอกจากโอสพวิเศษ ยังมีหนทางอื่นๆ แต่สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เงินมากมายมหาศาลเพื่อแลกกับมัน
ภายในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เงินคือแต้มแห่งชัยชนะ แต่น่ารันทดยิ่งนักเพราะหยางไค่มีแต้มแห่งชัยชนะเพียง 12 แต้ม ซึ่งไม่เพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่เขาต้องการ
หลังจากที่หุงข้าวจนเสร็จ หยางไค่กินข้าวเปล่าไปหลายชามโดยไม่มีผักหรือเนื้อสัตว์ที่เป็นเครื่องเคียง แต่หยางไค่รู้สึกพอใจในสิ่งที่ตนมี เพราะนี้คืออาหารที่เขาสามารถกินอิ่มในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา  
หลังจากที่กินข้าวหยางไค่ไม่ได้ไปฝึกยุทธุ์ต่อ เขาไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย จากนั้นจึงล้มตัวลงนอน แม้ว่าจะฝึกยุทธุ์ต่อไปมันก็เป็นเพียงการกระทำที่สำเร็จไปเพียงครึ่ง พยายามที่จะแก้ไขหรือหาวิธีการดีกว่า
ครุ่นคิดไปมา สมองของเขามีการสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาได้เรียกตำราสีดำที่ไร้ซึ่งอักขระออกมาทันที
หยางไค่นั้นรับรู้ถึงความวิเศษภายในตำราสีดำนี้จนกระจ่าง ทุกๆ หน้าของตำราจะมีสิ่งของผนึกอยู่ในนั้น ต้องให้ตนเองมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอจึงจะสามารถเรียกขานของวิเศษนั้นออกมาได้
หน้าแรกของตำราสีดำเขาได้รับร่างกายกระดูกทองซึ่งเป็นรากฐานและแหล่งที่มาของทุกอย่าง
หน้าที่ 2 คือบันทึกแห่งกายาเริงอารมณ์ และมันก็คือตำราวิชายุทธุ์ที่ใช้ในการฝึกฝนร่างกายกระดูกทองคำที่แข็งแกร่ง
หน้าที่ 3 ยังคงว่างเปล่าและไม่ทราบว่ามันคือสิ่งใด เพราะเมื่อวานที่ผ่านมันไม่ปรากฏสิ่งใดออกมา เพราะเช่นนี้มันจึงต้องมีผลกับพลังความแข็งแกร่งของหยางไค่อย่างแน่นอน
ณ ปัจจุบัน หน้าที่ 1 และหน้าที่ 2 ที่ถูกค้นพบเหลือเพียงความว่างเปล่า หยางไค่ศึกษาและค้นหามันอย่างละเอียดถี่ถ้วนแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ถ้าหากว่าเขาไม่บังเอิญไปเปิดเจอหน้าที่ 3 สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคงจะกลายเป็นตำราที่ทำ
เอ๋………? หยางไค่ขมวดคิ้ว และจ้องมองไปยังหน้าที่ 3 ของตำราสีดำอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้น หน้าที่ 3 ของตำราสีดำเริ่มมีแสงสว่างสีทองประกายออกไป จากนั้นมีเงาสีทองจำนวนมากมายพุ่งออกมาจากตำราสีดำและพุ่งไปยังใจจิตใจของเขา  ในทันที หน้าที่ 3 ของตำราสีดำเริ่มปรากฏน้ำวนสีทอง และมีกระถางธูปลอยออกมา
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้หยางไค่ตื่นตะลึง ก่อนที่จะนำพาจิตใจของตนเองให้กลับสู่ภาวะที่ปกติและชื่นชมยินดีกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ใช่แล้ว รุ่งอรุณของวันนี้เขาได้ก้าวข้ามเขตแดนของกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 4 ? คืนที่ผ่านไม่เขาไม่สามารถมองเห็นความลึกลับของตำราสีดำ วันนี้เขาได้ก้าวข้ามเขตแดนทำไมจึงไม่ลองดูล่ะ ?
แม้ว่ามันจะเป็นการก้าวข้ามเพียง  1 ระดับ แต่มันก็เป็น 1 ระดับที่สามารถทำให้เขาความลึกลับที่อยู่ในหน้าที่ 3 ของตำราสีดำ
หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างกระจ่าง หยางไค่รู้สึกเสียใจอย่างมาก ถ้าหากว่าเขาตรวจสอบในช่วงเช้าของวันนี้ ไม่แน่ว่าเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและเสียความตั้งใจในการครุ่นคิดที่ยาวนั้นเช่นนี้
หลังจากระงับความตื้นเต้นที่อยู่ในจิตใจ  หยางไค่ได้หยิบกระถางธูปนั้นอย่างระมัดระวัง และตรวจสอบมันอย่างละเอียด
กระถางธูปมีลักษณะที่ไม่ใหญ่มาก มันเป็นเหมือนกระถางธูปที่ใช้โดยทั่วไป แต่ว่ามันถูกปิดผนึกไว้ครึ่งหนึ่ง และฝาที่ปิดผนึกยังมีรูเล็กๆ หลายๆ รู มีลักษณะเหมือนของโบราณ แต่ไม่โดดเด่น ไม่ว่ามันจะถูกวางไว้ที่ไหน มันจะไม่ได้รับความสนใจจากใครเลย
หยางไค่สูดดมเบาๆ และพบว่าสิ่งของนี้ไม่มีกลิ่น และไม่มีน้ำหนักที่มากมายมหาศาล
มันใช้ทำอะไร ? หยางไค่ไม่เข้าใจว่ามันใช้ทำอะไร เขาจึงต้องหลับตาและครุ่นคิดเกี่ยวกับข้อมูลที่พุ่งเข้าไปตราตรึงในจิตใจของเขา
ใช้ความสามารถไม่มากเท่าใด ในที่สุดหยางไค่ได้ลืมตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจที่ท่วมท้น
จากข้อมูลที่เขาได้รับ กระถางธูปนี้สามารถช่วยเหลือเขาในระหว่างที่กำลังฝึกยุทธุ์ แต่เป็นเพราะกระถางธูปไม่มีลักษณะที่พิเศษในตัวของมัน แต่ต้องรวบรวมสมุนไพรต่างๆ ใส่เข้าไปจึงจะสามารถเกิดการเผาไหม้และปลดปล่อยกลิ่นหอมที่สามารถช่วยเหลือเขาในระหว่างที่กำลังฝึกยุทธุ์
เขตแดนที่แตกต่างกัน สิ่งที่ต้องใส่ลงไปในกระถางธูปจึงไม่เหมือนกัน
สิ่งที่ทำให้หยางไค่สงสัยคือ สมุนไพรที่เหมาะสมสำหรับเขตแดนของเขาในปัจจุบันคือ ดอกสามใบเถาสลายวิญญาณ และ  ต้นหญ้าแห่งความตาย
เท่าที่หยางไค่ทราบ สมุนไพรทั้ง 2 มีราคาที่ไม่สูง แต่ว่ามันมีจำนวนที่ค่อนข้างน้อย และมันยังมีพิษในตัวของมัน แม้ว่าพิษของมันไม่มากมาย แต่ถ้าหากได้รับพิษของมันเป็นระยะเวลาที่ยาวนั้น มันจะสามารถทำลายและสร้างความสูญเสียให้แก่ร่างกายของเขาอย่างแน่นอน
สมุนไพรทั้ง 2  จะสามารถช่วเหลือการฝึกยุทธุ์ของเขาได้จริงหรือ ?
ในหอวิเศษต้องมีสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดอย่างแน่นอน แต่ด้วยบุคลิกของเหรัญญิกเม้ง เขาคงจะคิดราคาที่สูงกว่าความเป็นจริง และหยางไค่เองยังมีแต้มแห่งชัยชนะเพียงน้อยนิด จะนำแต้มแห่งชัยชนะไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายไดอย่างไร ?
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ มีเพียงวิธีเดียวคือการค้นหาสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดนี้ ยังดีที่มีเทือกเขาวายุทะมึนที่อยู่ไม่ไกลจากหอประลองยุทธุ์หลิ่งเซี่ยว หยางไค่ได้เข้าไปล่าสัตว์หลายต่อหลายครั้ง จึงคุ้นเคยกับมันมาย ไม่แน่ว่าในเทือกเขาอาจมีสมุนไพรนี้ซ่อนอยู่
พรุ่งนี้ต้องเข้าไปในเทือกเขา !! หยางไค่ตัดสินใจ เพื่อแก้ไขปัญหาที่วุ่นวายนี้ เขาจึงหลับใหลไปในที่สุด ก่อนที่เขาจะนอนหลับ หยางไค่ได้ตรวจสอบหน้าที่ 4 ของตำรางอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องที่น่าอับอายเช่นวันนี้ แต่ว่าหน้าที่ 4 ของตำราสีดำไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ คงเป็นเพราะพลังแห่งกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 4 ไม่เพียงพอที่จะไขความลับที่อยู่ในหน้าที่ 4 ของตำราสีดำนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น หยางไค่ตื่นนอนตั้งแต่เช้า
การฝึกฝนกายาเริงอารมณ์ของเมื่อวานส่งผลดีต่อเขาเป็นอย่างมาก ทำให้เขาสามารถใช้พละกำลังอย่างเต็มกำลัง อีกประกายหนึ่งคือหยางไค่เป็นคนที่ขยันฝึกฝนวิชายุทธ์ุ
จากลมที่พัดมาจากทางทิศตะวันออก ทำให้ลมปราณของกายาเริงอารมณ์ค่อยๆแผ่ขยายออกมา
แม้ว่าเขตแดนของกายาเริงอารมณ์จะแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อวาน แต่ว่าลมปราณของกายาเริงอารมณ์ที่แผ่ขยายออกมากลับไม่มีการก้าวหน้าแม้แต่น้อย ซึ่งมันเพิ่มขึ้นเพียง 20 ส่วนของสัดส่วนทั้งหมดเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าร่างกายของเขาถูกทำร้ายจนหลังและสะโพกของเขารู้สึกปวดร้าว กระดูกเจ็บปวดเสมือนว่ามันกำลังจะแหลกสะลาย ร่างกายทั้งร่างเสมือนว่ากำลังถูกทุบตีจากพลังที่หนักหน่วง
รัศมีแสงสีม่วงถูกกลืนเข้าไปพร้อมกับลมหายใจอีกครั้ง ทำให้ประสาทสัมผัสของเขาสร้างพลังงานและกลายเป็นพละกำลังที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน เส้นชีพจรลมปราณเริ่มขยายและขับไล่สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ภายในร่างกายอย่างต่อเนื่อง

************************
ติดตามในเพจได้ที่ FB : เทพยุทธ์เหนือโลก Martial Peak
 
ผู้แปล ธีรวุธ สุขวัฒนกูล 
 
Previous Post
Next Post

8 thoughts on “ตอนที่ 14 กระถางธูป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!