ตอนที่ 45 หากยังติดตามข้า ข้าจะ.......... - Martial Peak
Aa+
Aa-
reset

ตอนที่ 45 หากยังติดตามข้า ข้าจะ……….

 

 “เพราะว่าข้าถูกผู้อื่นทุบตี” เผชิญหน้ากับการสอบถามของพี่สาว ซู่มู่มิกล้าที่พูดปด ในขณะที่เขากล่าวตอบเขายังแอบสังเกตปฏิกิริยาของซู่เหยียนด้วย

 

ใบหน้าของซู่เหยียนยังคงเยือกเย็น : “เพราะเหตุใดเจ้าจึงถูกทุบตี ? ”

 

“เพราะข้าสู้เขาไมได้……….” ซู่มู่ค่อยๆลดศีรษะของเขาให้ต่ำลง

 

“เพราะเหตุใดเจ้าจึงสู้เขาไม่ได้ ? ” ซู่เหยียนกล่าวถามจนถึงรากถึงโคน

 

ซู่มู่กล่าวตอบอย่างใสซื่อ : “เพราะข้าไม่ตั้งใจฝึกฝนวิชายุทธุ์ ”

 

ซู่เหยียนพยักหน้าเบาๆ : “ยังมีความเฉลียวฉลาด !! แล้วรู้ไหมว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ? ”

 

“รู้ !! ”

 

“จำคำพูดของเจ้าในวันนี้ให้ดี ตั้งแต่บัดนี้หากว่าเจ้ายังมัวเล่น ไม่สนใจฝึกฝนวิชายุทธุ์ คนที่ทุบตีเจ้าจะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่จะเป็นข้าที่ทุบตีเจ้า!! ”

 

ใบหน้าของซู่มู่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เขารับปากซ้ำไปซ้ำมาว่าจะฝึกฝนวิชายุทธุ์อย่างขยันหมั่นเพียร เขาจะไม่มีวันทำลายความคาดหวังของพี่สาวอย่างแน่นอน !!

 

หลังจากสั่งสอนซู่มู่จนเสร็จสิ้น ซู่เหยียนจึงเงยหน้ามองคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังของเธอ ดวงตาคู่งามกวาดมองไปทั่ว ก่อนจะหยุดอยู่ที่หยางไค่ ดวงตาของเขาประกายด้วยความประหลาดใจ และกล่าวถามต่อหยางไค่ : “เจ้าเป็นคนที่เอาชนะเฉิงเซาเฟิงใช่ไหม ? ”

 

หยางไค่รู้ในทันทีว่าแหล่งข่าวของพี่สาวท่านนี้ต้องดีเยี่ยม แม้ว่าเธอจะฝึกฝนวิชายุทธุ์อยู่ที่นี้แต่กลับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในภายนอก เขาจึงกล่าวพยักหน้า : “ใช่”

 

“มีความสามารถมากกว่ากว่าซู่มู่” ซู่เหยียนไม่ได้สนใจอะไรมาก ดูเหมือนว่าอายุของหยางไค่ยังน้อย เขาน่าจะอายุประมาณ 15-16 ปี จนถึงตอนนี้เขายังอยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 8 คุณสมบัติก็ไม่ได้ดีเยี่ยมไปกว่าใคร ดังนั้นหยางไค่จึงไม่อยู่ในสายตาของเธอ การที่เขากล่าวสนทนากับหยางไค่ เพราะเขาเคยช่วยเหลือซู่มู่

 

“ข้าจะให้คำแนะนำแก่เจ้า !! ”

 

“ศิษย์พี่โปรดแนะนำ” หยางไค่แสดงออกอย่างเฉื่อยชา

 

“อยู่ห่างจากซู่มู่ให้มาก ถ้าหากเจ้ายังอยู่ใกล้กับเขา ความสำเร็จของเจ้าจะหยุดเพียงเท่านี้ ”

 

หยางไค่ยิ้มจาง ไม่ได้กล่าวตอบ นางสามารถกล่าววาจาที่ดูถูกซู่มู่ แต่หยางไค่ไม่สามารถทำได้

 

เมื่อซู่มู่ได้ยินคำกล่าวนี้ ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างขมขื่น แต่ไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรออกมา

 

“ออกไปได้ ข้าจะฝึกยุทธุ์ต่อ ” ทันทีที่กล่าวจบซู่เหยียนปิดตาของเธอทันที

 

พวกเขาค่อยๆออกไปจากที่นี้อย่างเงียบๆ ปิดประตูกระท่อมเบาๆ ก่อนจะสบตาไปมาซึ่งกันและกัน และถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความกดดันในกระท่อมช่างมากมายยิ่งนัก แม้ว่าหญิงงามจะเป็นที่ต้องตาต้องใจและชื่นชอบของทุกคน แต่ถ้าหากอยู่ในกระท่อมนานยิ่งกว่านี้ หัวใจของพวกเขาต้องถูกผนึกจากความเยือกเย็นของเธออย่างแน่นอน

 

“ข้าขอตัวไปดูการปรุงยาของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ” หลี่หยุนเทียนกล่าวลาก่อนจะเดินออกไป

 

“ข้าไปด้วย” มีคนอีกหลายรีบวิ่งตามหลี่หยุนเทียน

 

หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนต่างแยกย้ายออกจากไปทุกคนต่างมีเรื่องของตนเอง เหลือเพียงซู่มู่และหยางไค่ทั้งสองเท่านั้น

 

หยางไค่มองเห็นท่าทางของซู่มู่ที่ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องบางสิ่งบางอย่างที่ต้องไปจัดการ เขาจึงกล่าวต่อซู่มู่ด้วยรอยยิ้ม : “ศิษย์น้องไปทำธุระของตนเจ้าให้เสร็จ ข้าจะเดินดูสิ่งของบริเวณนี้ก่อน ”

 

ซู่มู่พยักหน้าและกล่าว : “ได้ ถ้าหากศิษย์พี่พบเจอกับสิ่งที่ต้องการให้บอกข้าก่อน ข้าจะเจรจาให้ท่านเอง แม้ว่าคนส่วนใหญ่ในสถานที่แห่งนี้จะไม่เลวร้าย แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ชอบโกงและหลอกลวงคนอื่นๆ ”

 

หลังจากที่แยกจากซู่มู่ หยางไค่เดินดูสิ่งของต่างที่อยู่ในสมาคมใต้ดินวายุทะมึนแห่งนี้อย่างสบายอารมณ์

 

สถานที่แห่งนี้ เหล่าศิษย์สาวกของทั้ง 3 สำนักต่างนั่งลงบนพื้นดินตามความพึงพอใจ จากนั้นพวกเขาจะเสนอสิ่งที่พวกเขาต้องการขายหรือแลกเปลี่ยนบนโต๊ะ และเขียนป้ายบอกในสิ่งที่พวกเขาต้องการ

 

แต่ละโต๊ะ แต่ละฝั่งมีเสียงตะโกนอย่างคึกคัก เสมือนพ่อค้าที่กำลังวุ่นวายกับการขายผักของตนเอง พวกเขาเสนอสิ่งของของพวกเขาอย่างเป็นมิตร แต่มีบางคนที่แสดงออกอย่างกระตือรือร้น บางคนแสดงออกด้วยใบหน้าที่ไม่แยแสในการเสนอสิ่งของของตนเพื่อดึงดูดให้คนอื่นๆให้สนในสิ่งของของตนเอง และยังมีคนอื่นๆที่รู้สึกเบื่อ พวกเขาจึงฝึกยุทธุ์อยู่ที่นั้นโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ และไม่กลัวว่าสิ่งของของพวกเขาจะถูกขโมย

 

หลังจากที่เดินไปรอบๆ ได้สักพัก หยางไค่พบกว่าโต๊ะต่างๆที่เสนอสิ่งของไม่ได้มีเพียงการซื้อขายสิ้นค้าแหล่านั้นเท่านั้น มันยังมียาที่ช่วยในการฝึกยุทธุ์ที่ถูกปรุงจากอาจารย์ระดับล่าง โดยไม่ต้องจ่ายเงินให้แก่พวกเขาอีกด้วย

 

เดิมทีหยางไค่คิดว่าพวกเขากำลังทำความดีที่มีคุณธรรม แต่ความจริงแล้วพวกเขาต้องการวัตถุดิบจากคนอื่นๆเพื่อฝึกฝีมือในการปรุงยา คนเหล่านี้ต้องการฝึกฝนการปรุงยา เพราะมีประสบการณ์ที่ไม่เพียงพอ พวกเขาปรุง 10 ครั้งมี 8 ครั้งที่ล้มเหลว ดังนั้นโต๊ะเสนอยาวที่ช่วยในการฝึกยุทธุ์เหล่านี้จึงค่อยข้างซบเซาและอ้างว้าง

 

แต่การเสนอยาที่ช่วยในการฝึกยุทธุ์มีไม่มาก เพราะนักปรุงยาเหล่านี้มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น

 

หยางไค่ให้ความสนใจกับยาที่มีคุณสมบัติของพลังลมปราณหยางเท่านั้น ก่อนที่เขายังไม่ได้เข้ามาในสมาคมใต้ดินวายุทะมึนแห่งนี้ ต้นกำเนิดพลังงานหยางที่อยู่ภายในทรวงอกของเขาได้เกิดปฏิกิริยาตั้งแต่แรก จากการตอบสนองที่ดุเดือดของมันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสมบัติจำนวนมากมายที่มีคุณสมบัติเกี่ยวข้องกับพลังลมปราณหยาง

 

แต่เมื่อขณะที่เขาเดินดูสิ่งของต่างๆ หยางไค่พบว่าสิ่งของส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ สมุนไพรหรือยาต่างที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้มีกลิ่นอายพลังงานหยางเพียงน้อยนิด ไม่มันเข้มข้นและไม่หนาแน่นเท่าพลังงานหยางที่ปลดปล่อยออกมาจากคุกคุมขังมังกร ดังนั้นเขาจึงไมค่อยให้ความสนใจกับสิ่งของเหล่านี้มากนัก

 

เขาได้พบสิ่งที่ต้องการหลายอย่าง แต่เมื่อไถ่ถามราคาของมัน เขาทำได้เพียงสั่นศีรษะและถอนหายใจ เพราะราคาของมันสูงยิ่งนัก แต่สภาพปัจจุบันของเขามิได้มีเงินตราที่มากมายเช่นนั้น

 

หลังจากที่เดินรอบประมาณครึ่งชั่วยาม หยางไค่ไม่ได้รับสิ่งใดกลับมา แต่กลับได้ราคาที่แท้จริงของยาฟื้นคืนลมปราณ

 

เพราะยาฟื้นคืนลมปราณเป็นยาที่มีประสิทธิภาพต่อผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 7 ถึงขั้นที่ 9 ดังนั้นมันยา เพียง 1 เม็ดจึงมีราคที่สูงประมาณ 50 เหรียญ

 

ซู่มู่ให้ยาฟื้นคืนลมปราณแก่เขาทั้งหมด 10 เม็ด นั้นหมายเงินตราจำนวน 500 เหรียญ

 

500 เหรียญ มันมากพอที่จะทำอะไรหลายๆ อย่าง

 

โต๊ะด้านหน้าที่เขากำลังเดินเข้าไปมีก้อนหินสีแดงเพลิงก้อนหนึ่ง หยางไค่รู้สึกได้ถึงความร้อนแห่งพลังงานหยางที่แผ่รัศมีออกมาอย่างชัดเจน มันหนาแน่นเข้มข้นหนักหน่วงยิ่งกว่ากลิ่นอายจากคุกคมุขังมังกร หยางไค่มั่นใจถ้าหากเขาดูดซับพลังงานหยางจากภายในของก้อนหินสีแดงเพลิงนี้ เขาจะสามารถฝึกฝนวิชายุทธุ์จนสามารถก่อกำเนิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางอย่างหน้อย 3 หยด

 

แม้ว่าเจ้าของก้อนหินสีแดงเพลิงจะมีลักษณะที่ไม่เป็นมิตรและดูเหมือนจะยากต่อการเจรา แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจอย่างแน่วเน่ เขาต้องนำก้อนหินสีแดงเพลิงก้อนนี้กลับไปให้ได้

 

เขานั่งลง มองหน้าศิษย์คนนี้ที่แสดงออกอย่างเย็ฯชา เสมือนตนเองกำลังติดหนี้เขา แต่เขาเพียงเหลือบตามองหยางไค่โดยไม่สนใจอะไรมาก

 

หยางไค่แกล้งทำเป็นสนใจสิ่งของชิ้นอื่นๆโดยการหยิบโน่นหยิบนี้ขึ้นมาถามราคา แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาคงจะเป็นดั่งทองคำ เขาตอบเพียงสั้นๆโดยไม่เหลียวแล ในที่สุดหยางไค่จึงหยิบก้อนหินสีแดงเพลิงขึ้นมาและกล่าวถาม : “ชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่ ? ”

 

เจ้าของก้อนหินสีแดงเพลิงหัวเราะอย่างเย็นชา ครั้งนี้เขาตอบกลับหยางไค่อย่างยาวเหยียด : “สิ่งของชิ้นนี้เป็นของที่ล้ำค่าและแพงที่สุด ราคาของมัน 3000 เหรียญ ”

 

หยางไค่ไร้ซึ้งหนทางอย่างแท้จริง มันเป็นราคาที่สูงดั่งท้องฟ้า มันห่างไกลจากการคาดเดาของเขา จะต่อรองเจราจากับเขาอย่างไร ?

 

หยางไค่วางก้อนหินสีแดงเพลิงไว้ที่เดิม ขณะที่เขากำลังจะลุก กลับมีของใครบางคนตบไปที่ไหล่ของเขา 1 ครั้ง หยางไค่หันกลับไปมอง เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังส่งรอยยิ้มที่แสนหวานให้แก่เขา

 

“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ” หู่เหม่ยเอ่อกล่าวด้วยความตื่นเต้น

 

“มีเรื่อง?” หยางไค่ขมวดคิ้วไปมา ความจริงหยางไค่ไม่มีความประทับใจหรือความรู้สึกที่ดีต่อหญิงสาวที่ละหลวมต่อศีลธรรมเช่นนี้ แม้ว่าในวันนี้เธอจะแต่งตัวอย่างมิดชิด แต่การกระทำที่ป่าเถื่อนและไร้ยางอายของเธอในวันนั้นทิ้งไว้ซึ่งความรู้สึกไม่ดีและไม่ประทับใจให้แก่หยางไค่

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเฉยชาและความไม่แยแสของหยางไค่ หู่เหม่ยเอ่อแสดงออกอย่างไม่พอใจ และกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง : “ไม่มีอะไร ข้ามาทักทายเจ้าเท่านั้นเอง ”

 

“อืม ข้าขอลา !! ” หยางไค่แสดงออกด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ และหันหลังเดินออกไป

 

“เฮ้ ……” หู่เหมยเอ่อตามหยางไค่ไปอย่างกะชั้นชิด เธอก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อเดินเคียงข้างหยางไค่ จากนั้นเธอพยายามขยับร่างกายให้แนบชิดกับหยางไค่ และเดินเคียงหยางไค่ต่อไปเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของหยางไค่

 

หลังจากที่เดินไปได้สักพัก หยางไค่รู้สึกอึดอัดใจ เขาพบว่าหญิงสาวคนนี้นอกจากชอบยั่วยวนแล้วยังไร้ซึ่งความอาย ตัวเขาเองแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สนใจในเรือนร่างของเธอแม้แต่น้อย แต่เธอยังก็ยังตามติดเขาตลอดโดยไม่ยอมถอยออกไป

 

“เจ้าเดินตามข้าเพื่ออะไร ?” หยางไค่หยุดการก้าวเดิน และแสดงออกอย่างไม่พอใจ

 

“ข้าไม่ได้ตามเจ้า สถานที่แห่งนี้คือสมาคมใต้ดินวายุทะมึน ข้าเดินเล่นตามประสาของข้า ทำไม เจ้าสนใจข้างั้นหรือ ?”หู่เหม่ยเอ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เขิลอาย

 

“อย่าตามข้ามาอีก ถ้าเจ้ายังดื้อดึงตามข้ามาข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เกรงใจและไม่สุภาพอีกต่อไป ” หยางไค่กล่าวด้วยความโกรธ

 

ไม่เพียงแต่หู่เหมยเอ่อจะไม่หวาดกลัว แต่ในทางตรงกัน

 

ข้ามเธอกับแสดงออกอย่างกระตือรือร้น : “จะไม่เกรงใจจะไม่สุภาพอย่างไร ? เหมือนครั้งก่อนใช่ไหม ? ”

Previous Post
Next Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!