ตอนที่ 86 ติดตามให้ถึงที่สุด - Martial Peak
Aa+
Aa-
reset

ตอนที่ 86 ติดตามให้ถึงที่สุด

2dde7093e65e24ed2dc2cab18759f424.jpg
กลุ่มคนของนู่วหล่าง นู่วหล่างอยู่ในเขตแดนที่สูงที่สุด เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่เขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ ลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายอยู่ในสถานะที่ไม่เสถียร ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนระดับนี้ง่ายต่อการทำให้เคืองโกรธเมื่อถูกความรู้สึกต่างๆเข้าครอบงำ ส่วนคนอื่นๆที่เหลือ 7-8 คนอยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ และยังมีหลายคนอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่สูงมาก เพียงแต่พวกเขามีจำนวนคนที่ค่อนข้างมากเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของหยางไค่อยู่ในระดับไหน นู่วหล่างนั้นรู้ดีแก่ใจอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับหยางไค่ แต่เขาสนในหญิงสาวที่อยู่กับหยางไค่ ดูเหมือนว่าไม่ใช่คนธรรมดาที่จะง่ายต่อการจัดการ
เมื่อคิดทบทวนอย่างรอบคอบอีกครั้ง ดูเหมือนว่าหญิงสาวนางนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิด เพราะอายุของนางอาจยังน้อย และชื่อของนางก็มิได้ติดอยู่ในศิษย์โดดเด่นที่มีชื่อเสียงกว้างขวาง
นอกจากนั้น หากนางมีพลังความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูง ทำไมต้องใช้ม้าในการเดินทาง ?เมื่อพลังความแข็งแกร่งของตนเองอยู่ในเขตแดนระดับสูงที่มั่นคง การก้าวเดินของตนเองยังรวดเร็วกว่าการวิ่งของม้าถึงหลายเท่า
เมื่อคิดไตร่ตองได้เช่นนี้ นู่วหล่างจึงคลายความกังวลที่อยู่ในใจลงอย่างมาก
เหตุผลที่เซี่ยหนิงฉางใช้ม้าในการเดินทาง เพียงเพราะต้องการดูแลปกป้องหยางไค่เท่านั้น เพราะหยางไค่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 4 เท่านั้น การก้าวเดินของเขาจะรวดเร็วสักแค่ไหนกัน ?
ศิษย์แห่งหอวายุพิรุณเหล่านี้เตรียมความพร้อมในการเดินทางอย่างรวดเร็ว พวกเขาไล่ตามหยางไค่และเซี่ยหนิงฉางไปในทันที
ในขณะที่หยางไค่และเซี่ยหนิงฉางกำลังเร่งฝีเท้าของม้าให้ไวขึ้น โดยไม่รู้ว่าข้างหลังของพวกเขามีกลุ่มคนจำนวน 2 กลุ่มกำลังไล่ตามพวกเขามา และกลุ่มคนทั้ง 2 กลุ่มต่างมีเจตนาร้ายเช่นเดียวกัน
แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งของเซี่ยหนิงฉางจะอยู่ในระดับที่ไม่เลว แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะใช้ความรู้สึกทางจิตวิญญาณ จึงไม่สามารถตรวจสอบสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณโดยรอบ
ทั้งสองมุ่งหน้าเดินทางโดยไม่ได้กล่าวสนทนาแม้แต่คำเดียว เซี่ยหนิงฉางนำทาง หยางไค่ตามมาอย่างใกล้ชิด ม้าเร็วทั้งสองตัวมุ่งหน้าวิ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งถึงยามค่ำคืน ทั้งสองค้นพบแหล่งน้ำในการปักหลักพักผ่อนในคืนนี้
พวกเขาทั้งสองนั่งกินเสบียงอาหารที่ซื้อมาจากหมู่บ้านวู่เหมยออกมา ก่อนจะนอนหลับพักผ่อนข้างกองไฟ
1 วันที่อยู่ร่วมกัน หยางเข้าใจนิสัยของศิษย์พี่นางนี้อย่างชัดเจน นางขี้อายอย่างมาก เมื่อกล่าวได้ไม่กี่ประโยค หูของนางจะแดงก่ำด้วยความเขิลอาย น้ำเสียงที่นางกล่าวออกมาค่อนข้างเบาและนุ่มนวล เสมือนว่านางไร้ซึงอารมณ์ที่จะกล่าวสนทนา
เพราะบคุลิกและลักษณะของนางเป็นเช่นนี้ หยางไค่จึงไม่คิดที่จะกล่าวสนทนาหรือพูดคุย เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องหวาดกลัว
ตั้งแต่วันที่เขาเข้าใจความลับที่น่าอัศจรรย์ของกระดูกทองคำ และเข้าใจเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ที่วิเศษ หยางไค่พบว่ากลยุทธุ์หยางมีการเปลี่ยนแปลงไป
เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการไหลเวียนของพลังหยาง ตัวเขาจะสามารถดูดซับพลังงานหยางในการฝึกฝนหยดน้ำพลังลมปราณหยาง
แต่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไร้ซึ่งพลังงานหยาง เขาจะสามารถเปิดใช้กลยุทธุ์หยางในการดูดซับพลังฟ้าดินเข้าไปในร่างกายโดยผ่านกระบวนการของกลยุทธุ์หยาง จากนั้นจึงถูกดูดซับโดยกระดูกทองคำ
ข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนหายไปอย่างกะทันหัน สำหรับหยางไค่มันเป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุดของเขา
หลังจากที่เดินทางเป็นเวลา 3 วัน ในที่สุดพวกเขาทั้ง 2 ก็มาถึงเมืองเล็กที่อยู่ห่างจากหอประลองยุทธุ์หลายพันลี้ พวกเขาทั้ง 2 ฝากม้าไว้ในโรงฝากม้แห่งหนึ่ง และหาโรงเตี้ยมเพื่อเข้าพักในค่ำคืนนี้
จากคำกล่าวของเซี่ยหนิงฉาง ระยะทางต่อไปไม่ต้องใช้ม้าอีกต่อไป เพราะต้องเข้าไปเทือกเขา ซึ่งไม่สามารถนำม้าเข้าไปได้
ในยามค่ำคืน โรงเตี้ยมเงียบสงัดยิ่งนัก
หยางไค่และเซี่ยหนิงฉางพักอยู่ข้างกัน ภายในห้องของพวกเขาทั้ง 2 สว่างสไสวด้วยแสงเทียน หยางไค่กำลังนั่งฝึกฝนวิชายุทธุ์ เซี่ยหนิงฉางกำลังครุ่นคิดด้วยความเรื่อยเปื่อย
3 วันที่อยู่ร่วมกัน ทั้ง 2 กล่าวสนทนาไม่ถึง 10 ประโยค เซี่ยหนิงฉางนั้นรู้สึกอับอายที่ต้องขอความช่วยเหลือจากเขา กลายเป็นภาระของเขา ทำให้เขารู้สึกอึดอัดที่จะกล่าวสนทนากับหยางไค่
แต่ทุกครั้งที่เซี่ยหนิงฉางพยายามจะพูดคุยกับหยางไค่ แต่ตนเองก็ไร้ซึ่งความกล้านั่นทุกครั้ง เซี่ยหนิงฉาวคุ้นเคยกับการแอบสังเกตเขาอย่างลับๆ แต่ตอนนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง เซี่ยหนิงฉางจึงไม่รู้ว่าต้องกระทำเช่นไร
นอกจากนั้น ศิษย์น้องคนนี้ยังไม่กล่าวสนทนาหรือพูดคุยกับตนเอง หากว่าตนเองไปพูดคุยกับเขา จะทำให้เขารำคาญหรือไม่ ?
ในขณะที่เซี่ยหนิงฉางขมวดคิ้วด้วยความกังวล กลุ่มคน 2 กลุ่มที่ไล่ตามมากำลังจับตาความเคลื่อนไหวของทั้ง 2 อย่างเงียบๆ
ภายในห้องพักอีกห้อง หล่งฮุยและศิษย์สาวกแห่งนิกายโลหิตนั่งอยู่ภายใน จากความเคลื่อนไหวของแสงเทียน ทำให้ใบหน้าของหล่งฮุยกลายเป็นใบหน้าที่ค่อนข้างน่าเกลียด
หลังจากที่กลุ่มคนของนิกายได้รับข่าวจากเจี่ยหงเฉิน แม้ว่ามันจะช้าไป แต่พวกเขาก็สามารถไล่ล่าจนทันหยางไค่และเซี่ยหนิงฉาง
หลังจากที่ครุ่นคิดได้ชั่วครู่ หล่งฮุยได้กล่าวออกมาอย่างกะทันหัน : “ผู้นำเหวิน พวกเราจะลงมือเมื่อไหร่ ? หยางไค่เด็กคนนั้นพักอยู่ในโรงเตี้ยมแห่งนี้ จากความสามารถของผู้นำเหวิน การจะจับกุมตัวเขาไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด ? ”
เหวินเฟยเฉินอยู่ในวัยกลางคน ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 5 และยังเป็น 1 ในผู้นำของนิกายโลหิต เนื่องจากข่าวที่หล่งฮุยได้รับเป็นข่าวที่มีความถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงหายอดฝีมือเข้าร่วมกับพวกเขา เพราะต้องการจับเป็นเซี่ยหนิงฉางนั้นเอง
กลุ่มคนของนิกายโลหิต นอกจากเหวินเฟยเฉิน ยังมีอีกหลายคนที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ พวกเขามีประมาณ 6- 7 คน ดูเหมือนว่าเพื่อไม่ให้แผนการในครั้งนี้ล้มเหลว เขาจึงวางแผนอย่างรอบคอบยิ่งกว่าครั้งใด
เมื่อเหวินเฟยเฉินได้ยินเขาหัวเราะเล็กน้อยและกล่าว : “นายน้อยหล่ง หากว่าท่านต้องการให้ข้าลงมือในตอนนี้มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดี แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่จากความแข็งแกร่งของข้า การจัดการกับพวกเขาเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก และยังไม่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่คนรอบข้าง และไม่ทิ้งร่องรอยเบาะแสะไว้ด้านหลังอีกด้วย ”
เหวินเฟยเฉินส่ายหัวไปมา : “แต่คำกล่าวของนายน้อยหล่งจะผิดไป จากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวพวกเขาสามารถเดินทางเข้าไปในเทือกเขาวายุทะมึนโดยตรง แต่พวกเขากลับเดินทางด้วยการขี่ม้าโดยผ่านระยะทางกว่าพันลี้ และหยุดลงที่ตรงนี้ หากว่าเดาไม่ผิด พรุ่งนี้พวกเขาทั้ง 2 จะเดินทางเข้าไปในเทือกเขา เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนทำให้พวกเราสามารถมั่นในในเรื่องนี้ พวกเขารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่ที่ไหน และต้องหามันจนพบ หากว่าเราตามพวกเขาไปอย่างเงียบๆ รอให้พวกเขาหาสมบัติที่มีค่านั้นเจอ………………….”
“แล้วจะรออะไรอีกล่ะ ….?” ใบหน้าของหล่งฮุยประกายด้วยความตื่นเต้น : “หยางไค่ต้องตาย ต้องจับเป็นหญิงสาวคนนั้น จากคำกล่าวที่ไดยินมานางเป็นหญิงที่งดงามอย่างยิ่ง ในเมื่อมันเข้ามายุ่งกับหญิงสาวของข้า งั้นข้าคงต้องทำเรื่องที่ไร้ซึ่งศีลธรรม ให้มันลิ้มลองรสชาติที่หญิงสาวของตนถูกชายอื่นๆย่ำยี”
เหวินเฟยเฉินเข้าใจนิสัยของหล่งฮุยอย่างดี เขาจึงไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกไป : “แต่นายน้อยหล่งเคยคิดหรือไม่ ทำไมพวกเขาจึงต้องเดินทางที่ยาวไกลกว่าพันลี้เพื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ด้วย ? ”
“ทำไม ?” หล่งฮุยกล่าวถาม
เหวินเฟยเฉินลังเลสักครู่ก่อนจะกล่าวตอบ : “ข้าคิดว่า การเดินทางของพวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนของตนเอง หรือว่า……..การที่พวกเขาเข้าไปในเทือกเขาวายุทะมึนเพราะต้องการตามหาสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าสวรรค์!!”
หล่งฮุยขมวดคิ้ว : “มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเรา เทือกเขาวายุทะมึนเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าสวรรค์ และไม่ใช่ทุกคนที่เข้าไปในเทือกเขาแล้วจะได้รับสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าสวรรค์กลับมา ”
เหวินเฟยเฉินตรวจสอบเรื่องราวอย่างละเอียด การแยกแยะค่อนข้างถูกต้อง ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นผู้มากประสบการณ์ในใต้หล้า
ดวงตาของหล่งฮุยประกายด้วยความสว่าง : “พวกเราสามารถฉวยชิงแย่งมันมา !! ”
เหวินเฟยเฉินหัวเราะ : “เป็นอย่างที่นายน้อยกล่าว แต่หากว่านายน้อยหล่งต้องการหญิงงาม ข้าจะลงมือให้นายน้อยในวันนี้ และจะไม่ทำให้นายน้อยผิดหวังอย่างแน่นอน ”
หล่งฮุยแสดงออกด้วยความลังเลและสับสน
เหวินเฟยเฉินกล่าวต่อ : “หากว่านายน้อยรอต่อไป ไม่เพียงได้หญิงงาม ยังได้สมบัติแห่งฟ้าสวรรค์มาครอบครอง คิดดูซิ หากว่าสมบัติล้ำค่แห่งฟ้าสวรรค์ที่เขาใช้ความพยายามในการแสวงหามันกลับถูกนายน้อยช่วงชิงไป หยางไค่คงต้องโกรธแค้นอย่างบ้าคลั้งจนกระอักเลือกอย่างแน่นอน ”
เมื่อได้ยินดังนี้ หล่งฮุยรีบตอบอย่างกระตือรือร้น : “ดี แม้ว่าพวกเขาจะสามารถหนีไปได้ในวันนี้ วันหน้าพวกเขาก็ไม่มีวันหนีพ้น ให้หยางไค่มีชีวิตรอดต่อไปอีก ! ”
เหวินเฟยเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม : “สามารถอดทนในสิ่งที่ผู้อื่นมิอาจอดทนต่อมันได้ นายน้องหล่งเป็นคนที่ทำการอย่างยิ่งใหญ่ น่านับถือยิ่งนัก !! ”
“ฮ่าฮ่า !! ผู้นำเหวินกล่าวชมเกินไป ” คำกล่าวที่ประจบประแจงนี้ทำให้หล่งฮุยรู้สึกมีความสุขอย่างมาก

Previous Post
Next Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!