ตอนที่ 87 ความอัปยศของนู่วหล่าง - Martial Peak
Aa+
Aa-
reset

ตอนที่ 87 ความอัปยศของนู่วหล่าง

f843ab90ababbd8ed23de3bd0b67a35a
การที่เหวินเฟยเฉินทำดีต่อหล่งฮุย เพราะเขามีเหตุผลอยู่ภายในใจ
หู่หมั่นประมุขของนิกายโลหิตแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่โหดเหี้ยม มีความทะเยอะทะยาน แต่เขาไร้ซึ่งบุตรชาย มีเพียงบุตรีสองคนที่งดงามเช่นบุพผาและหยกที่บริสุทธุ์เท่านั้น
ในสายตาของเหวินเฟยเฉิน ไม่ช้าหรือเร็วตำแหน่งประมุขจะตกไปอยู่ในมือของตระกูลหล่งอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องทำดี่ต่อนายน้อยผู้นี้ หากว่าในอนาคตตระกูลหล่งเป็นผู้ควบคุมนิกายโลหิต เขาจะเป็นผู้ที่มีความดีความชอบโดยปริยาย !!
หลังจากที่พวกเขาหารือจนเสร็จสิ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังจะพักผ่อน ทันใดนั้นได้มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
“เข้ามา !! เหวินเฟยเฉินกล่าวเบาๆ ”
เมื่อประตูเปิดออก ศิษย์แห่งนิกายโลหิตที่สืบข่าวจากด้านนอกได้เดินเข้ามา เขาเดินเข้ามาทำความเคารพให้แก่หล่งฮุย จากนั้นจึงกล่าวกระซิบบางอย่างต่อเหวินเฟยเฉิน
ทันใดนั้นใบหน้าของเหวินเฟยเฉินแปรเลี่ยนในทันที เขากล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว : “เป็นเช่นนี้ ! ”
หลังจากที่กล่าวจบ เขาส่งสัญญานให้คนที่อยู่ในห้องและกล่าวออกคำสั่ง : “ไป จับคนเหล่านั้นมา อย่าให้มันทำลายแผนการของนายน้อยหล่ง !! ”
“ขอรับ !!” เมื่อพวกเขาได้รับคำสั่ง พวกเขารีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที
“เกิดอะไรขึ้น ?” หล่งฮุยกล่าวถามอย่างรวดเร็ว
เหวินเฟยเฉินหัวเราะเบาๆ : “นายน้อยหล่ง เรื่องนี้น่าสนุกยิ่งนัก ยังจำได้หรือไม่ ในขณะที่พวกเราเดินทางมา บนพื้นดินเต็มไปด้วยรอยเท้าของม้าจำนวนมากมาย ?แต่ข่าวที่ข้าได้รับ มีเพียงหยางไค่และหญิงสาวอีกคนเท่านั้น ตอนนั้นข้าคาดเดาว่ารอยเท้าเหล่านั้นเป็นของผู้คนที่สัญจรผ่านไป แต่ไม่คาดคิดว่า………..นอกจากพวกเรา ยังมีผู้อื่นที่ไล่ล่าหยางไค่ !! ”
“โอ้ว ?” หล่งฮุยกล่าวสบทด้วยเสียงที่แปลกใจ : “ใคร ? ”
“ศิษย์สาวกระดับล่างแห่งหอวายุพิรุณ ดูเหมือนว่าในตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมตัวที่จะลงมือ ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ทราบว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางไค่และหญิงสาวผู้นั่น !! ”
“มันเป็นการรนหาที่ตาย !! ” หล่งฮุยหัวเราะอย่างเย้ยหยัน : “ผู้นำเหวินต้องการจะทำอะไรพวกเขา ? ”
“เป็นธรรมดาที่ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาทำลายแผนการของนายน้อยหล่ง ” เหวินเฟยเฉินพยักหน้าและโค้งคำนับต่อหล่งฮุย
ในขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังกล่าวสนทนา ด้านนอกมีกลุ่มคนกำลังพุ่งเข้ามา ศิษย์สาวกแห่งนิกายโลหิตที่ออกไปเมื่อสักครู่ต่างกลับมาครบทุกคน นอกจากนั้นยังมีกลุ่มคนของนู่วหล่างที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเข้ามาด้วย
กลุ่มคนของนู่วหล่างตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด มันไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะตามมาถึงที่นี้ ในขณะที่กำลังวางแผนอยู่ในห้อง และกำลังจะลงมือโจมตีหยางไค่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวของนู่วเต๋าและเฉินเซ้าเฟิงที่หายตัวไป
ใครจะคาดคิดว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะลงมือโจมตี กับถูกกลุ่มคนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโหดเหี้ยมอำมหิตและความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นกว่าพวกเขาหลายเท่าจับตัวมา
นู่วหลางหวาดกลัวจนน้ำตาไหล เขารีบคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตอย่างน่าเวทนา : “นายท่านทุกคน พวกเราไม่เคยทำให้ท่านทั้งหลายเคืองโกรธ ? ได้โปรดอย่าทำอะไรพวกเราเลย !! ”
“หุบปาก !! ” ศิษย์แห่งนิกายโลหิตคนหนึ่งตกบไปที่ปากของนู่วหล่าง จนเลือดกบปากนู่วหล่าง แม้ว่าเขาจะโกรธแค้น แต่ก็ไม่กล้าจะกล่าวกลับไป ทำได้เพียงเชื่อฟังอย่างสงบเสงี่ยม
ศิษย์แห่งหอวายุพิรุณมองไปรอบด้วยความหวาดกลัว ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในระดับต่ำ พวกเขาจึงไม่รู้ว่า กลุ่มคนนี้หากใครคนหนึ่งลงมือก็จะสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมือ 6-7 คนที่ล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
ทำให้ใครเคืองโกรธ ? กลุ่มคนเหล่านี้แม้จะครุ่นคิดจนสมองพังก็มิอาจเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขาก็ไม่ได้ก่อเรื่องสร้างเรื่องต่อใคร มากที่สุดคือการวางแผนลงมือต่อหยางไค่ในห้องพักเท่านั้น แต่ว่าพวกเขายังไม่ได้ลงมือ ? ทำไมพวกเขาเหล่านี้ต้องลงมืออย่างรุนแรงเช่นนี้ด้วย ?
นู่วหล่างมองไปรอบๆ ก่อนจะพบเจอกับใบหน้าของชายหนุ่มที่คุ้นเคย และตอนนี้เขากำลังจ้องมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
เมื่อคิดอย่างละเอียด ใบหน้าของนู่วหล่างเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันก่อนจะทดสอบกล่าวถาม : “เจ้าคือหล่งฮุยแห่งนิกายโลหิต ? ”
หล่งฮุยหัวเราะเบาๆ : “เจ้ารู้จักข้า ? ”
นู่วหล่างหัวเราะด้วยความขมขื่น : “ทายาทของผู้อาวุโสหล่งที่มีชื่อเสียงกว้างไกล เป็นธรรมดาที่ข้าจะรู้จัก ”
“ในเมื่อรู้จักข้า งั้นคงจัดการได้อย่างง่ายดาย ” หล่งฮุยพยักหน้าเบาๆ
นู่วหล่างเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าระยะทางกว่าพันลี้ กลับพบเจอกับกลุ่มคนของนิกายโลหิต แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมโลกที่รู้จักกัน แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน………พวกเขาเป็นคนที่อ่อนแอกว่า พวกเขาจึงจำเป็นต้องลดศีรษะลง
“ข้าอยากรู้ ทำไมเจ้าถึงตามล่าหยางไค่ ?” หล่งฮุยหรี่ตากล่าวถามด้วยความสงสัย
นู่วหล่างเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที เขานึกว่าเขาสร้างความเคืองโกรธให้แก่หล่งฮุย แม้ว่าในใจของเขาไม่อยากที่จะกล่าวความจริง แต่ก็มิกล้าที่จะปิดบัง เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยใบหน้าที่เสียใจอย่างสุดซึ้ง : “นายน้อยหล่ง เขาเพียงแค่สงสัยการหายตัวไปของน้องชายของข้าจะเกี่ยวข้องกับหยางไค่ แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ หากท่านคิดว่าพวกเราเป็นปัญหา พวกเราจะกลับไปที่หอวายุพิรุณทันที และไม่คิดที่จะทำร้ายหยางไค่อีกต่อไป ”
หล่งฮุยหัวเราะ : “เจ้าคิดว่าข้าเป็นสหายคนสนิทกับหยางไค่ ? ”
“หรือว่าไม่ใช่ ?” นู่วหล่างกล่าวถามอย่างงุนงง
“ตลกสิ้นดี !! ” หล่งฮุยสบทด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : “สถานะของเขาเป็นอย่างไร สถานะของมันเป็นอย่างไร ข้าเป็นสหายกับมัน ? ตาของเจ้ามันบอดใช่ไหม !! ”
นู่วหล่างไม่กล้ากล่าวตอบ แต่ในใจกำลังปฏิเสธเรื่องนี้อย่างไม่หยุดหย่อน หากไม่ใช่สหายคนสนิทแล้วจะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับการลงมือโจมตีของพวกเขาทำไม ?
“มีตาหามีแววมา นายน้อยหลิ่งช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ ยังไม่ขอบคุณนายน้อยหล่งอีก !!” ศิษย์แห่งนิกายโลหิตคนหนึ่งได้กล่าวแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ใบหน้าของนู่วหล่างเต็มไปด้วยความสับสน
ศิษย์แห่งนิกายโลหิตหัวเราะอย่างเย็นชา : “พวกเจ้ารู้เพียงว่าความแข็งแกร่งของหยางไค่อยู่ในระดับต่ำ แต่พวกเจ้าไม่รู้หรือไงว่าหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างมันอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด ? ”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ใบหน้าของนู่วหล่างและคนอื่นมีเหงื่อเย็นที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด แข็งแกร่งกว่านู่วหล่างที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 1 ถึง 2 เขตแดนขนาดใหญ่
หากพวกเขาลงมือโจมตี หญิงสาวคนนั้นจะสามารถกำจัดพวกเขาทั้งหมดได้โดยง่าย
จนถึงตอนนี้ นู่วหล่างจึงรู้ว่าเขาทำผิดพลาดอย่างมหันต์ ทันใดนั้นเขารู้สึกหวาดกลัวและรุ้สึกโชคดี เขาจึงคำนับติดต่อกันหลายครั้ง : “ขอบคุณนายน้อยที่ลงมือช่วยเหลือพวกเรา พวกเราซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนี้ยิ่งนัก !! ”
ศิษย์สาวกคนอื่นๆแห่งหอวายุพิรุณต่างแสดงความขอบคุณนี้ทันที
“ฮึ่ม รู้ก็ดี ” ดูเหมือนว่าหลงฮุนจะชื่นชอบการสรรเสริญจากผู้อื่น : “ข้าจะไม่หวาดกลัวต่อเหตุผลของข้าที่เดินทางในครั้งนี้ เพราะต้องการเอาชีวิตของหยงไค่ แต่ต้องรออีกหลายวัน เพราะการเคลื่อนไหวของพวกเจ้า เกือบทำให้แผนการของข้าล้มเหลว ”
“พวกเราไม่ทราบ นายน้อยหล่งได้โปรดให้อภัยด้วย !! ” นู่วหล่างแสดงออกด้วยความหวาดกลัวและความเสียใจอย่างถึงที่สุด
“ช่างมันเถอะ ข้าจะไม่เอาเรื่องพวกเจ้า ดูเหมือนว่าเป้าหมายของพวกเราคือหยางไค่ งั้นก็ร่วมมือกับพวกเรา เมื่อข้าสามารถจับตัวหยางไค่ได้ เจ้าก็สามารถสอบถามข่าวคราวของน้องชายของเจ้าได้ ”
แม้ว่านู่วหล่างรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลแต่ความแข็งแกร่งของเขาและคนอื่นๆอ่อนแอกว่าพวกเขา แล้วจะสามารถต่อต้านได้อย่างไร ? เขาจึงพยักหน้ายอมรับต่อข้อเสนอนี้ : “เพียงแค่นายน้อยหล่งออกคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นการลุยเปลวไฟแห่งนรก แม้กระทั่งต้องเสี่ยงชีวิต ข้าก็จะไม่ลังเลแม้แต่น้อย !! ”
“กลับไปได้ พรุ่งนี้ข้าจะตามพวกเจ้าอีกครั้ง ” หล่งฮุยโบกมือไล่นู่วหล่างและกลุ่มคนของเขา
“ขอรับ !! ” นู่วหล่างคลานลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นจึงถอยออกไปอย่างช้าๆ เมื่อออกจากห้องพวกเขาจึงรู้สึกว่าเสื้อผ้าของพวกเขาเปียกโชมด้วยเหงื่อ
หลังจากที่พวกเขากลับไป หล่งฮุยจึงจ้องมองเหวินเฟยเฉินด้วยความสงสัย : “ผู้นำเหวิน ทำไมต้องปล่อยให้พวกเขาไปกับเรา ? ความแข็งแกร่งของพวกเขาต่ำเกินไป หรือว่ากลุ่มคนของพวกเราไม่สามารถฆ่าหยางไค่ และจับตัวหญิงสาวคนนั้นไม่ได ? ”
สิ่งที่หล่งฮุยกล่าวออกไปเมื่อสักครู่ล้วนแล้วแต่เป็นคำกล่าวของเหวินเฟยเฉิน แม้ว่าจะทำตามเขา แต่หล่งฮุยก็ไม่เข้าในเหตุผลที่เขาเลือกกระทำเช่นนี้

Previous Post
Next Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!