ตอนที่ 91 ความวุ่นวาย - Martial Peak
Aa+
Aa-
reset

ตอนที่ 91 ความวุ่นวาย

d48a97bd2edbf08eeb77c0c067f13455.jpg

ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวนี้ หล่งฮุยกล่าวด้วยความรู้สึกที่ตื่นตะลึง : “เจ้าหมายถึง สิ่งที่พวกเขากำลังค้นหาอยู่ข้างหน้า ? ”

“ถูกต้อง พวกเขาถึงจุดหมายตั้งแต่เมื่อวาน และไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเลย มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขา” เหวินเฟยเฉินกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“แล้วจะรออะไรอีก พวกเราไล่ตามพวกมันมาตลอดไม่ใช่เพราะช่วงเวลานี้หรือไง ?” หล่งฮุยกล่าวด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง สมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา แต่การได้พบเห็นรูปลักษณ์ใบหน้าที่แท้จริงของเซี่ยหนิงฉางเป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขาอดทนอดกลั้นมานานหลายวัน เขาจะสามารถอดทนต่อมันได้อีกได้อย่างไร ?

เหวินเฟยเฉินยิ้ม : “แม้ว่าพวกเขาจะมาถึงจุดหมายปลายทาง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่พบเจอกับสิ่งที่พวกเขากำลังตามหา นายน้อยหล่งโปรดอดทนอีกสักนิด ข้าสัญญาจะไม่ให้หญิงสาวนางนั้นหลุดลอยไปจากเงื้อมมือของนายน้อยอย่างแน่นอน  ”

หล่งฮุยรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมาก ครั้งก่อนในโรงเตี้ยมที่หมู่บ้านเล็กๆ หวังเฟยเฉินก็กล่าวเช่นนี้ พวกเขาจึงไล่ตามพวกเขาและในระหว่างทางที่ไล่ตามกับต้องสูญเสียอย่างหนักหนาสาหัส ตอนนี้เขากล่าวคำพูดเช่นเดิม ทำให้หล่งฮุยรู้สึกไม่พอใจและไม่เต็มใจที่จะรอต่อไปอีก

แต่เขาไม่สามารถแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมาได้ เขาคิดทบทวสักครู่ก่อนจะกล่าวตอบ : “มากที่สุดเราจะรอเพียงแค่ 2 วัน หลังจาก 2 วันพวกเขายังไม่มีการเคลื่อนไหว พวกเราจะลงมือทันที !! ”

เหวินเฟยเฉินพยักหน้า เขาถอนหายใจอยู่ภายในใจเพียงคนเดียวเพราะหล่งฮุยเป็นคนที่ไร้ประโยชน์แม้จะช่วยเหลือเช่นไรก็ไม่มีวันที่จะสามารถยืนหยัดด้วยตนเอง ในใจของเขานอกจากหญิงสาวเพียงคนเดียวเขาไม่คำนึงถึงใครอีกเลย คนประเภทนี้ ในอนาคตคงไม่มีทางที่จะก้าวขึ้นไปยังระดับที่สูงกว่านี้

ช่วงเวลาค่ำคืน ณ หุบเขา ในที่สุดเซี่ยหนิงฉางได้ลืมตาของนาง ความเหนื่อยล้าของนางได้หายไปจนหมดสิ้น แสดงให้เห็นว่านางฟื้นตัวอย่างเต็มที่

เซี่ยหนิงฉางกล่าวขอบคุณหยางไค่ที่คอยปกป้อง หลังจากนั้นพวกเขาได้นำเสบียงอาหารออกมากิน

“อีกไม่นานจะถึงเวลา เมื่อหุบเขานี้เต็มไปด้วยพลังหยาง ศิษย์น้องห้ามอยู่ห่างจากข้า ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่สูงมาก พลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายของเจ้ามีเขตจำกัด ไม่ควรปล่อยให้สูญสิ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ ” เซี่ยหนิงฉางกล่าวเตือนหยางไค่

“อืม” หยางไค่พยักหน้า แม้ว่าภายในร่างกายของจะมีหยดน้ำพลังลมปราณหยางหลาย 10 หยด ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่จะสูญเสีย แต่หยางไค่ไม่มีทางที่จะกล่าวพูดออกไป

ทั้งสองสนทนากันสักครู่ ทันใดนั้นหุบเขาที่อยู่ตรงหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

จากตรรกะที่มีเหตุผล หุบเขาที่อยู่ด้านล่างซึ่งมีความระยะทางกว่า 10 จ้าง ซึ่งถูกรอบล้อมไปด้วยหน้าผาหินที่มีความสูงชัน ต้องไม่มีสายลมพัดผาน แต่ทันใดนั้นหุบเขากลับมีความเคลื่อนไหวของเสียงพัดของสายลมที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เสมือนเสียงของหญิงสาวที่กำลังร่ำไห้อยู่ในยามค่ำคืน ให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวอย่างสยดสยอง

หลังจากเสียงหวีดร้องของสายลมดังขึ้น รัศมีแห่งความเยือกเย็นพุ่งขึ้นจากพื้นดิน มันทิ่มแทงกระต้นกลยุทธุ์หยางของหยางไค่จนมันค่อยๆไหลเวียนอย่างปั่นป่วน

ความรู้สึกที่เยือกเย็นเช่นนี้ ไม่เหมือนความหนาวเย็นแห่งฤดูหนาว แต่มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อันตรายและน่าหวาดกลัวและความรู้สึกที่หนาวเย็นที่กำลังซึมซับเข้าไปในจิตใจ  

กลยุทธุ์หยางไหลเวียนเร็วขึ้น ทำให้ความรู้สึกที่เยือกเย็นแพร่กระจายเข้าไปในจิตใจของเขา

“ศิษย์น้อง !! ” เซี่ยหนิงฉางดึงหยางไค่อย่างกะทันหัน ให้หยางไค่อยู่ข้างตนเอง ก่อนจะหยิบจี้หยกสีม่วงครามออกมาอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เข้าใกล้เซี่ยหนิงฉาง ความรู้สึกที่หนาวเย็นได้มลายหายไปในทันที และแทนที่ด้วยความอบอุ่นที่ไหลเวียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“อยู่ใกล้ข้า อย่าอยู่ห่างจากข้า จี้หยกสีม่วงครามสามารถต่อต้านความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านเข้ามากจากกพลังหยินได้ ” เซี่ยหนิงฉางกล่าวอธิบายด้วยเสียงที่แผ่วเบา

หยางไค่จ้องมองจี้หยกสีม่วงครามที่อยู่ในมือของเซี่ยหนิงฉาง เขาพบว่ามันเป็นสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่ง เมื่อเซี่ยหนิงฉางกำมันไว้ในมือเพื่อให้พลังลมปราณไหลเวียนเข้าไป จี้หยกสีม่วงครามได้เปล่งประกายแสงสว่างและเปล่งประกายพลังของมันออกไปจนทำลายพลังหยินที่แผ่ซ่านเข้ามาจนหมดสิ้น

หยางไค่ตื่นตะลึง กำไลข้อมือสีเขียวมรกตของศิษย์พี่ท่านนี้เป็นสมบัติวิเศษ จี้หยกที่นางกำไว้ในมือตอนนี้ก็เป็นสมบัติวิเศษเช่นเดียวกัน นางมีสมบัติวิเศษทั้งหมดกี่ชิ้นกันแน่ ?

“เจ้าจ้องมองข้าทำไม ?” ใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางแดงก่ำ สุ้มเสียงของนางสั่นสะท้านด้วยความเขิลอาย

หยางไค่อึ้งไปชั่วขณะ จนรู้สึกตัวจากเสียงของเซี่ยหนิงฉางและรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

เพราะรัศมีการป้องกันของจี้หยกสีม่วงครามไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นเมื่อทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันทำให้ร่างกายของพวกเขาทั้งสองใกล้ชิดจนเนื้อแนบเนื้อ แขน ไหล่ ผิวหนัง ของตนเองสามารถรับรูได้ถึงอุณหภูมิของฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน และได้กลิ่นกายที่อ่อนหวานซึ่งเป็นกลิ่นกายเฉพาะตัวของนางด้วย

เซี่ยหนิงฉางก็เช่นเดียวกัน

สถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาใกล้ชิดทำให้นางรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ดวงตาของนางแสดงถึงความเขิลอาย ใบหู ลำคอ ใบหน้าของเธอแดงก่ำเฉกเช่นสีกุหลายที่สวยงาม

“พลังลมปราณหยางของเจ้าล้ำค่าอย่างยิ่ง ไม่ควรสูญเสียอยู่ตรงนี้ ต้องใช้มันในการปราบปรามและควบคุมผลึกน้ำแข็งนพเก้าเท่านั้น” เซี่ยหนิงฉางหาคำกล่าวอื่นๆเบี่ยงเบนความสนใจของตนเองไม่ไปสัมผัสความรู้สึกอบอุ่นจากอุณหภูมิร่างกายของหยางไค่ แต่ยิ่งพยายามที่จะหลีกเลี่ยง ยิ่งรู้สึกอย่างชัดเจน

“ตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของช่วงเวบานี้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม หุบเขาทั้งหมดจะเต็มไปด้วยพลังหยินที่เข้มข้นและหนาแน่น ศิษย์น้องห้ามอยู่ห่างจากข้า ไม่เช่นนั้นผลลัพธุ์จะเป็นเรื่องที่มิอาจคาดเดาได้ ”

“ได้ !! ” หยางไค่พยักหน้าเบาๆ

ทั้งสองต่างคนต่างไม่พูดอะไรอีก พวกเขาทั้งสองยืนใกล้ชิดกันเช่นนี้ โดยรอถึงช่วงเวลาที่สมควรอย่างเงียบๆ

หัวใจเต้นโครมครามด้วยความหวั่นไหว

ความรู้สึกที่ปั่นป่วนวุ่นวาย

ร่างกายของเซี่ยหนิงฉางร้อนขึ้นเรื่อยๆ ครั้งแรกที่เซี่ยหนิงฉางรู้สึกราวกับถูกหนาวที่แหลมคมแทงทิม ทำให้ร่างกายของตนเองรู้สึกชาจนมิอาจต้านทาน นางไม่กล้าขยับ ไม่การเคลื่อนไหว อดทนจนถึงวินาที่สุดท้านจนร่างกายของตนเองเริ่มสั่นเทา

หยางไค่รู้สึกถึงความอึดอัดของนาง  เขามองผิวหนังที่แดงก่ำของนางและกล่าวด้วยใบหน้าที่คิ้วขมวด : “ให้ข้าออกไปก่อนดีไหม ? ”

หยางไค่ยังมีความเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถป้องกันพลังหยินที่แผ่ซ่านเข้ามาโดยรอบ เพราะพลังลมปราณหยางที่อยู่ในร่างกายของตนเองเป็นจุดศูนย์กลางของพลังหยาง แม้ว่ามันจะถูกใช้ไป คงไม่ลดลงมากเท่าไหร่ ศิษย์พี่นางนี้ไร้เดียงสาเกินไป เมื่อหยางไค่มองเห็นนางที่มีลักษณะที่อึดอัดใจ ตนเองก็พลอยอึดอัดใจไปด้วย

“ไม่ ! ” เซี่ยหนิงฉางส่ายหัวอย่างรวดเร็ว : “เจ้ายืนข้ากายข้า…….ดีที่สุด ห้ามออกห่างจากข้า ”

เมื่อนางยืนกรานเช่นนี้ หยางไค่ก็ไร้ซึ่งหนทาง

อีกด้านหนึ่ง กลุ่มคนแห่งนิกายโลหิตรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหุบเขา พวกเขาทั้งหมดรีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความรีบร้อน

เหวินเฟยเฉินมองไปยังความเยือกเย็นที่พุ่งขึ้นมาจากเบื้องล่างของหุบเขา และกล่าวชมเชยตนเองว่าเป็นอย่างที่เขาคาดคิดไว้อย่างแม่นยำ

หล่งฮุยกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น : “ผู้นำเหวิน พวกเขากำลังเริ่มลงมือใช่ไหม ? ”



เมื่อเซี่ยหนิงฉางและหยางไค่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาที่อยู่ตรงหน้าจะลงมือโดยไม่ลังเลอีกเลย

เหวินเฟยเฉินไม่ได้กล่าวตอบในทันที เขามองไปที่เบื้องล่างของหุบเขา และมั่นใจว่าเบื้อล่างต้องมีสิ่งทีลึกลับและแปลกประหลาดอย่างแน่นอน แต่เพราะประสบการณ์และความรู้ทั้งหมดของเหวินเฟยเฉินไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันคือสิ่งใด เมื่อมองเห็นหล่งฮุยที่รีบร้อน เขาจึงกล่าวด้วยความรู้สึกที่รำคาญใจ : “ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถจัดการหรือไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ต้องมีสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่ลึกลับก่อกำเนิดขึ้นมาอย่างแน่นอน พวกเรา………”

เหวินเฟยเฉิยยังกล่าวไม่จบ แต่ถูกแทรกจากหล่งฮุยที่หมดความอดทน : “ไม่รออีกต่อไป ในเมื่อสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่ล้ำค่าก่อกำเนิดขึ้นมา พวกเขาทั้งสองจะอยู่หรือตายก็ไม่ต้องให้ความสำคัญอีกต่อไป ผู้นำเหวิน พวกเราลงมือตอนนี้ หลังจากที่กำจัดพวกเขาพวกเราค่อยแย่งชิงสมบัติที่ล้ำค่าจากพวกเขาก็ไม่สาย ”

เหวินเฟยเฉินถอนหายใจ และพยักหน้า : “ก็ได้ พวกเราลงมือ !! ”

ท่ามกลางความมืด ดวงตาของหล่งฮุยประกายด้วยความโหดเหี้ยมและหื่นกระหาย เขาครุ่นคิดไปมา เมื่อหญิงงามที่สวมผ้าคลุมหน้าถูกปลดเปลื้องพันธนาการที่อยู่บนร่างกาย รูปร่างและใบหน้าที่งดงามเย้ายวนใจจะถูกเปิดเผยอยู่ตรงหน้าของเขา ตัวเขาเองจะตรึงนางและสัมผัสกลิ่นหอมหวานของนาง ทำให้หล่งฮุยไม่สามารถระงับความหื่นกระหายและความตื่นเต้นในหัวใจ

หยางไค่ อ่า หยางไค่ เจ้ากล้าที่จะมายุ่งกับหญิงสาวของข้า ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสความรู้สึกผิดที่เจ็บปวดว่ามันเป็นเช่นไร

เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าข้าย่ำยีหญิงสาวของเจ้าอย่างไร ข้าจะทำให้นางกรีดร้องด้วยเความเจ็บปวด เพื่อเพลิดเพลินกับความโกรธเกลียดที่ไร้อำนาจของเจ้า

พวกเขาทั้ง  13 คน ไม่หลบซ่อนตัวอีกต่อไป ภายใต้การนำของเหวินเฟยเฉิน พวกเขากระโดดลงไปในหุบเขาอย่างรวดเร็ว

ศิษย์ที่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ่น่าสงสารที่สุด ความสูงหลาย 10 จ้างที่อยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่กล้าที่จะกระโดดลงไป ในที่สุดเขาถูกหล่งฮุยเตะลงไปโดยไปราศจากความปราณี และกระแทกลงไปตายในทันที

นู่วหล่างโกรธแค้นแต่ไม่กล้าที่จะกล่าวออกไป ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัปยศอย่างยิ่ง

 


Previous Post
Next Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!